ค่าเงินบาทช่วงเช้าวันนี้แข็งค่าขึ้นแตะ 29.83 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม ที่ระดับ 29.76 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
จากปัจจัยเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้น พันธบัตรต่อเนื่อง และการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีการคาดการณ์ว่า ราคาทองทำตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,867 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่แบงก์ชาติย้ำไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ (U.S. Treasury) เผยแพร่รายงานการประเมินนโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ ฉบับล่าสุด ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอยู่ใน Monitoring List จากที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมากกว่าร้อยละ 2 ของ GDP ซึ่งเป็นเกณฑ์และเงื่อนไขภายใต้กฎหมายภายในของสหรัฐฯ
โดยในรอบนี้ มีคู่ค้า 10 ประเทศที่จัดอยู่ใน monitoring list ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมนี อิตาลี สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน ไทย และอินเดีย
อย่างไรก็ดี การที่ประเทศไทยถูกจัดอยู่ใน monitoring list ไม่มีนัยสำคัญต่อธุรกิจที่มีการค้าการลงทุนกับสหรัฐฯ ซึ่งภาคธุรกิจไทยและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินธุรกิจกันได้ตามปกติ และการประเมินดังกล่าวไม่กระทบต่อการดำเนินนโยบายของแบงก์ชาติ เพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินภายในประเทศ รวมถึงการดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นไปตามหน้าที่ของธนาคารกลางและความจำเป็นของสถานการณ์
ทั้งนี้ ตลอดช่วงที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้สื่อสารและทำความเข้าใจกับทางการสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและแนวทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจการเงินของไทย รวมถึงสร้างความมั่นใจกับสหรัฐฯ ว่าไทยดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบยืดหยุ่นและจะเข้าดูแลค่าเงินบาทเมื่อมีความจำเป็นเพื่อชะลอความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้รุนแรงเกินไปทั้งในด้านแข็งค่าและอ่อนค่าและไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศแต่อย่างใด